วันจันทร์ที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2557

กิจกรรม-โครงงานคอมพิวเตอร์

1.โครงงานคอมพิวเตอร์ หมายถึงอะไร?
โครงงานคอมพิวเตอร์เป็นกิจกรรมการเรียนที่นักเรียนมีอิสระในการเลือกศึกษาปัญหาที่ตนสนใจ โดยนักเรียนจะต้องวางแผนการดำเนินงาน ศึกษา พัฒนาโปรแกรม หรืออุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง โดยใช้ความรู้ กระบวนการทางวิศวกรรมซอฟต์แวร์ เครื่องคอมพิวเตอร์และวัสดุอุปกรณ์ตลอดจนทักษะพื้นฐานในการพัฒนาโครงงาน เรื่องที่นักเรียนสนใจและคิดจะทำโครงงาน ซึ่งอาจมีผู้ศึกษามาก่อน หรือเป็นเรื่องที่นักพัฒนาโปรแกรมได้เคยค้นคว้าและพัฒนาแล้ว นักเรียนสามารถทำโครงงานเรื่องดังกล่าวได้ แต่ต้องคิดดัดแปลงแนวทางในการศึกษา การวิเคราะห์ข้อมูล การพัฒนาโปรแกรม หรือศึกษาเพิ่มเติมจากผลงานเดิมที่มีผู้รายงานไว้ จุดมุ่งหมายสำคัญของการทำโครงงานเป็นการเปิดโอกาสให้นักเรียนได้รับประสบการณ์ตรงในการใช้ระบบคอมพิวเตอร์แก้ปัญหา ประดิษฐ์คิดค้นหรือค้นคว้าหาความรู้ต่างๆ ใช้คอมพิวเตอร์ในการพัฒนาสื่อการเรียนรู้เพื่อการศึกษา ประดิษฐ์ฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ หรืออุปกรณ์ใช้สอยต่างๆ พัฒนาโปรแกรมประยุกต์ต่างๆ ตลอดจนการพัฒนาเกมคอมพิวเตอร์ เพื่อฝึกให้นักเรียนเป็นบุคคลที่ใฝ่เรียนใฝ่รู้ การพัฒนาความคิดใหม่ๆ ความมีคุณธรรมจริยธรรม เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ให้กับเพื่อนมนุษย์ และอยู่ในสังคมอย่างมีความสุข
2.โครงงานคอมพิวเตอร์ มีกี่ประเภท อะไรบ้าง ?
5 ประเภท    1. โครงงานพัฒนาสื่อเพื่อการศึกษา (Educational Media Development)
                    2. โครงงานพัฒนาเครื่องมือ (Tools Development)
                    3. โครงงานจำลองทฤษฏี (Theory Simulation)
                    4. โครงงานประยุกต์ใช้งาน (Application)
                    5. โครงงานพัฒนาเกม (Game Development)











3.
ตัวอย่างโครงงานคอมพิวเตอร์  ยกตัวอย่าง  2  โครงงาน 
1.โครงงานคอมพิวเตอร์ เรื่อง สื่อเพื่อการศึกษาอาเซียน โดยให้ความรู้แก่ผู้ที่สนใจเกี่ยวกบั ประชาคม
อาเซียน โดยสร้างสื่อวีดีทัศน์น าเสนอ โดยใช้โปรแกรม Final cut pro ในการตดั ต่อวีดีทัศน์ โปรแกรม
Motion5 ใช้สร้าง Effect และโปรแกรม Adobe sound booth cs5 ในการบันทึกเสียง

2.โครงงาน เรื่อง สื่อเพื่อการศึกษาอาเซียน ประเภทของโครงงาน โครงงานพัฒนาสื่อเพื่อการศึกษา


คำศัพท์คอมพิวเตอร์

1.Antivirus Program = โปรแกรมป้องกันไวรัส
2.Computer System = ระบบคอมพิวเตอร์
3.Information System = ระบบขอมูล
4.Computer Network = ระบบเครือข่าย
5.Main Memory unit = หน่วยความจำหลัก
6.Magnetic Tape = เทปแม่เหล็ก
7.Monitor = จอภาพ
8.Printer = เครื่องพิมพ์
9.Laser printer = เครื่องพิมพ์เลเซอร์
10.Line printer = เครื่องพิมพ์รายบรรทัด
11.Speaker = ลำโพง
12.Microsoft Word = โปรแกรมเวิร์ด
13.Microsoft Excel = โปรแกรมเอกเซล
14.Microsoft PowerPoint = โปรแกรมเพาเวอร์พอยนต์
15.Wireless Card = การ์ดเครือข่ายไรสาย
16.Medium Data = สื่อกลางนำข้อมูล
17.Access Point = ตำแหน่งที่เข้าถึงสัญญาณ
18.Hyperlink = การเชื่อมโยงหลายมิติ
19.Operator = ผู้ควบคุม
20.Symbol = เครื่องหมาย
21.Track ball = ลูกกลมควบคุม
22.Joystick = ก้านควบคุม
23.Scanner = เครื่องกราดตรวจ
24.Touch screen = จอสัมผัส
25.Control Unit = หน่วยควบคุม
26.Diskette = แผ่นบันทึก
27.Multimedia = สื่อประสม
28.Main Memory unit = หน่วยความจำหลัก
29.Secondary memory unit = หน่วยความจำรอง
30.Fax modem = โมเด็มที่ส่งแฟกซ์ได้
31.Compact Disc = อุปกรณ์ประเภทแผ่น
32.binary number system = ระบบเลขฐานสอง
33.control program = โปรแกรมควบคุม
34.data base = ฐานข้อมูล
35.computer network = ข่ายงาน หรือเครือข่ายคอมพิวเตอร์
36.deagnosties = การวินิจฉัย
37.interface = ตัวเชื่อมประสาน
38.microprocessor = ตัวประมวลผล
39.personal computer = คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล
40.program = ชุดคำสั่ง
41.System design = การออกแบบระบบ
42.System analyst = นักวิเคราะห์ระบบ
43.Semiconductor storage = หน่วยเก็บแบบสารกึ่งตัวนำ
44.Variable = ตัวแปร
45.Pseudocode = รหัสเทียมหรือรหัสจำลอง
46.Online = ในสายหรือเชื่อมตรง
47.Offline = นอกสายหรือไม่เชื่อมตรง
48.Operating code = รหัสดำเนินการ
49.local area network = ข่ายงานบริเวณเฉพาะหน้าที่
50.mainframe = คอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่


วันจันทร์ที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2557

บริการต่างๆบนอินเทอร์เน็ต

1.Search
เสิร์ชเอนจิน (search engine) คือ โปรแกรมที่ช่วยในการสืบค้นหาข้อมูล โดยเฉพาะข้อมูลบนอินเทอร์เน็ต โดยครอบคลุมทั้งข้อความ รูปภาพ ภาพเคลื่อนไหว เพลง ซอฟต์แวร์ แผนที่ ข้อมูลบุคคล กลุ่มข่าว และอื่น ๆ ซึ่งแตกต่างกันไปแล้วแต่โปรแกรมหรือผู้ให้บริการแต่ละราย. เสิร์ชเอนจินส่วนใหญ่จะค้นหาข้อมูลจากคำสำคัญ (คีย์เวิร์ด) ที่ผู้ใช้ป้อนเข้าไป จากนั้นก็จะแสดงรายการผลลัพธ์ที่มันคิดว่าผู้ใช้น่าจะต้องการขึ้นมา ในปัจจุบัน เสิร์ชเอนจินบางตัว เช่น กูเกิล จะบันทึกประวัติการค้นหาและการเลือกผลลัพธ์ของผู้ใช้ไว้ด้วย และจะนำประวัติที่บันทึกไว้นั้น มาช่วยกรองผลลัพธ์ในการค้นหาครั้งต่อ ๆ ไป


สัดส่วนของผู้ใช้ในสหรัฐอเมริกา (ข้อมูลจาก นิตยสารฟอรบส์ ฉบับวันที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2548)
         1. กูเกิล (Google) 36.9%

 

    2. ยาฮูเสิร์ช (Yahoo! Search) 30.4%



         3. เอ็มเอสเอ็นเสิร์ช (MSN Search) 15.7%

 

2.E-mail
E-Mail ย่อมาจาก  EIectronic-Mail คือ จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ ที่ใช้รับส่งกันโดยผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์ (สำหรับเครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกคือ Internet )การใช้งานก็เหมือนกับเราพิมพ์ข้อความในโปรแกรม word จากนั้นก็คลิกคำสั่ง เพื่อส่งออกไป โดยจะมีชื่อของผู้รับ ซึ่งเราเรียกว่า E-mail Address เป็นหลักในการรับส่ง แต่ถ้าในกรณีที่เป็นการส่งอีเมล หรือข้อความโดยไม่ได้รับอนุญาตจากผู้รับ เราเรียกว่า Spam  และเรียก อีเมลนั้นว่าเป็น spam mail
ประโยชน์ของ E-Mail
1.รวดเร็ว เชื่อถือได้  
2.ประหยัดค่าใช้จ่ายในการส่ง และลดการใช้กระดาษ
3.ลดเวลาในการส่งเอกสารลง เพราะผู้ส่งไม่ต้องเสียเวลาไปส่งเอง หรือรอไปรษณีย์ไปส่งให้ 
4.ผู้ส่งสามารถส่งเอกสารได้ตลอดไม่จำกัดเวลา หรือระยะทางในการส่ง ในขณะที่ผู้อ่านก็สามารถเปิดอ่านเอกสารได้ตลอดเวลาเช่นเดียวกัน 
5.สามารถส่งต่อกันได้สะดวก และผู้ส่งสามารถส่งให้ผู้รับได้พร้อมๆกันหลายคนในเวลาเดียวกัน

        1.Hotmail

      2.Gmail


      3.Yahoo


3.Social Network
                Social Network หรือ เครือข่ายสังคม (ชุมชนออนไลน์) เป็นรูปแบบของเว็บไซต์ ในการสร้างเครือข่ายสังคม สำหรับผู้ใช้งานในอินเทอร์เน็ต เขียนและอธิบายความสนใจ และกิจการที่ได้ทำ และเชื่อมโยงกับความสนใจและกิจกรรมของผู้อื่น ในบริการเครือข่ายสังคมมักจะประกอบไปด้วย การแช็ต ส่งข้อความ ส่งอีเมลล์ วิดีโอ เพลง อัปโหลดรูป บล็อก 
............... Social Network เป็นเครือข่ายความสัมพันธ์เสมือนที่ตอบสนองกับการสร้างสายสัมพันธ์ โยงใยให้เราได้เจอบุคคลที่คุยกันในเรื่องที่สนใจได้อย่างคอเดียวกัน สามารถเชื่อมโยงเพื่อนของเรา เข้ากับเพื่อนของเขา สามารถสร้างสรรค์สังคมใหม่ๆให้กับทุกคน สามารถเชื่อมโยงการสื่อสารภายในองค์กร และภายนอกองค์กรเข้าด้วยกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นสิ่งที่ตอบสนองรูปแบบชีวิตของมนุษย์ยุคปัจจุบันนั่นเองครับ โดยภาพรวม Social Network เป็นสื่อที่มีประสิทธิภาพในการสื่อสารกับองค์กรจากปากคำของเราเองได้เป็นอย่างดี ผู้บริหารองค์กรขนาดใหญ่จะสามารถสื่อสารกับคนในองค์กรของคุณอย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ต้องประสบปัญหาการบิดเบือนข้อความ หรือการสื่อสารที่ตกหล่นอีกต่อไป ครูอาจารย์สามารถให้แง่คิดหรือสิ่งละอันพันละน้อยแก่ลูกศิษย์ได้โดยไม่จำเป็นต้องรอให้พูดกันทีเดียวคราวละยาวๆ นักวิจัยอาจพบอะไรที่น่าสนใจแล้วสื่อสารให้รู้กันทุกคนในเครือข่ายเดียวกันได้ทันทีเพื่อให้ทีมรับรู้สิ่งน่าสนใจไปพร้อมๆกัน

        1.Twitter

      2.Facebook
        

      3.Instagram











วันจันทร์ที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2557

Web Browser

1. นักเรียนใช้ Internet สำหรับทำอะไร   ให้นักเรียนตอบมา  10 อย่าง

ตอบ    1.ใช้ในการค้นหาข้อมูลทำรายงาน การบ้าน
           2.ใช้แชทกับเพื่อน
           3.ใช้อ่านข่าว

           4.ใช้ดูหนังออนไลน์
           5.ใช่ส่งข้อมูล
           6.ใช้เพื่อการศึกษา
           7.ใช้เช็คอีเมล
           8.ใช้ดาวน์โหลดโปรแกรม 
           9.ใช้สั่งซื้อสินค้าออนไลน์
         10.ใช้เช็คหนังออกใหม่

             
2. เว็บเบราเซอร์ (Web Browser) หมายถึงอะไร ?
ตอบ


“โปรแกรมที่ใช้สำหรับท่องอินเทอร์เน็ต (sufring the Internet) คือใช้ในการเปิด web page และอย่างอื่นอีกมาก” - http://www.vcharkarn.com/vblog/36733
“โปรแกรมที่ใช้สำหรับเป็นประตูเปิดเข้าสู่โลก WWW (World Wide Web) หรือพูดกันอย่างง่ายก็คือโปรแกรม
ที่ใช้สำหรับเล่นอินเทอร์เน็ตที่เรานิยมใช้กันอยู่ทุกวันนี้ โดยเว็บเบราว์เซอร ์ (Web Browser) จะเข้าใจในภาษาHTML นี้คือเหตุผลว่าทำไมต้องใช้ภาษา HTML ในการสร้างเว็บเพจ เพราะโปรแกรมเว็บเบราว์เซอร์นั่นสามารถเข้าใจ และสามารถทำงานตามคำสั่งของภาษา HTMLได้” - http://school.obec.go.th/pp_school/html/browser.html
“โปรแกรมคอมพิวเตอร์ ที่ผู้ใช้สามารถดูข้อมูลและโต้ตอบกับข้อมูลสารสนเทศที่จัดเก็บในหน้าเวบที่สร้างด้วยภาษาเฉพาะ เช่น ภาษาเอชทีเอ็มแอล (html) ที่จัดเก็บไว้ที่ระบบบริการเว็บหรือเว็บเซิร์ฟเวอร์ หรือระบบคลังข้อมูลอื่นๆ โดยโปรแกรมค้นดูเว็บเปรียบเสมือนเครื่องมือในการติดต่อกับเครือข่ายคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ที่เรียกว่าเวิลด์ไวด์เว็บ” - http://www.mindphp.com + http://th.wikipedia.org


3.ยกตัวอย่างเว็บเบราวเซอร์ มา 4 โปรแกรม  (พร้อมรูปภาพ)
ตอบ


  • Internet Explorer 
  • Mozilla Firefox
  • Google Chrome
  • Safari
  • Opera