การนำระบบสารสนเทศมาใช้ในชีวิตประจำวัน
ปัจจุบันเทคโนโลยีสาสนเทศได้เข้ามามีบทบาทในการดำเนินชีวิตของเราไม่ว่าที่ทำงาน
ที่บ้าน ในชีวิตประจำวัน จะเห็นได้ว่าความสามารถในการเข้าถึงแหล่งข้อมูล
และความสามารถในการส่งหรือการสื่อสารข้อมูลได้เพิ่มขึ้นอย่างมาก
ด้วยวิวัฒนาการด้านการสื่อสารโทรคมนาคมและคอมพิวเตอร์ เช่น รายการข่าวจากโทรทัศน์
จะเห็นได้ว่าการสื่อสารที่นำข่าวจากจุดต่างๆ ทั่วโลกเ้ข้ามาพร้อมกันในเวลาเดียวกัน
สามารถสื่อสารโต้ตอบและส่งภาพถึงกันได้แม้ว่าจะอยู่คนละสถานที่ที่ห่างไกลกันมาก
ขอบข่ายของระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ
- ระบบประมวลผลรายการ
ทำหน้าที่ในการปฏิบัติงานประจำ และทำการบันทึกจัดเก็บ
ประมวลผลที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน และให้สารสนเทศสรุปเบื้องต้นของการปฏิบัติงานประจำวัน
โดยมากจะนำระบบคอมพิวพิวเตอร์เข้ามาทำงานแทน
ระบบประมวลผลรายการนี้มักเป็นระบบที่เชื่อมโยงกิจกรารกับลูกค้าหรือบุคคลภายนอก
- ระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการ
เป็นระบบสารสนเทศสำหรับผู้บริหารระดับกลาง เพื่อใช้ในการวางแผน
บริหารจัดการและควบคุมงาน
- ระบบสนับสนุนการตัดสินใจ
เป็นระบบที่ช่วยผู้บริหารในการตัดสินใจสำหรับปัญหาที่อาจมีโครงสร้างหรือขั้นตอนการหาตำตอบที่แน่นอนเพียงบางส่วนหรือเป็นกรณีเฉพาะ
หน้าที่ของเทคโนโลยีสารสนเทศ
- ช่วยในการสื่อสารกันอย่างรวดเร็ว
- ใช้ในการจัดระบบข่าวสาร
- ช่วยให้สามารถเก็บสารสนเทศไว้ในรูปที่สามารถเรียกใช้ได้อย่างสะดวก
- ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสารสนเทศ
- สามารถจำลองแบบระบบการวางงแผนและทำนาย
- ลดอุปสรรคเกี่ยวกับเวลาและระยะทางระหว่างประเทศ
การจัดการเทคโนโลยีสารสนเทศ
1
การประยุกต์เทคโนโลยีสารสนเทศในด้านต่างๆ
ซึ่งผู้บริหารงานต้องมีความเข้าใจเกี่ยวกับเทคโนโลยีนั้นๆ
ต้องเข้าใจว่าจะนำเทคโนโลยีนั้นมาใช้อะไร
2
การวางแผนกลยุทธ์ด้านเท๕โนโลยีสาสนเทศที่เหมาะสม
หน่วยงานขนากใหญ่ต้องมีแผนกลยุทธ์ที่เหมาะสม
เพื่อใช้เป็นแผนที่สำหรับนำไปสู่การประยุกต์เทคโนโลยีสารสนเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ
3
การกำหนดมาตรฐาน
4
การลงทุนด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ
5
การจัดการองค์กร
พยายามสร้างองค์กรด้านเทคโนโลยีสารสนเทศของหน่วยงานให้เข้มแข็งมากขึ้น
6
การบริหารงานพัฒนาระบบ
7
การจัดการผู้ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ พยายามทำให้ผู้ใช้มีความรู้สึกที่ดีต่อแผนกเทคโนโลยีสารสนเทศ
8
การจัดการข้อมูล
9
การรักษาความมั่นคงปลอดภัยของระบบ
10
ความสัมพันธ์กับผู้บริหาร พยายามสร้างผลงานที่ผู้บริหารเห็นแล้วประทับใจ
11
การวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศ
การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ
1
การประยุกต์ใช้ในสำนักงาน
ปัจจุบันสำนักงานได้นำเทคโนโลยีสารสนเทศเข้ามาประยุกต์ใช้อย่างแพร่หลาย
เพื่อให้เกิดความสะดวก รวดเร็ว ถูกต้อง และสามารถัดพิมพ์ซ้ำได้เป็นจำนวนมาก
อย่างเช่น งานกระจายเอกสาร งานจัดเก็บและค้นคืนเอกสาร
งานจัดเตรียมสารสนเทศในลักษณะภาพ เสียง
2
การประยุกต์ใช้ในงานอุตสาหกรรม
โรงงานอุตสาหกรรมหลายแห่งนำระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการ เข้ามาช่วยในด้านการผลิต
สั่งซื้อ การเงิน บุคลากร และงานด้านอื่นๆ
3
การประยุกตืใช้ในงานการเงินและการพาณิชย์ สถาบันการเงิน
ได้ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในรูปแบบของ ATM เพื่ออำนวยความสะดวกในการฝากถอน
โอนเงิน
4
การประยุกต์ใช้ในงานการบริการการสื่อสาร ได้แก่ บริการทางโทรศัพท์ โทรทัศน์
เคเบิลทีวี ดาวเทียม
5
การประยุกต์ใช้ในงานด้ารสาธารณสุข
- ระบบสารสนเทศโรงพยาบาล
เป็นระบบที่ช่วยด้านเวชระเบียน ระบบข้อมูลยา การคิดเงิน
- ระบบสาธาณสุข
ใช้ในการดูแลป้องกันโรคระบาดในท้องถิ่น
- ระบบผู้เชี่ยวชาญ
เป็นระบบคอมพิวเตอร์ที่ใช้วินิจฉัยโรค หลักการคือเก็บข้อมูลต่างๆ ไว้ให้ละเอียด
แล้วใช้หลักปัญญาประดิษฐ์มาช่วยวิเคราะห์
6
การประยุกต์ใช้ในการศึกษา
- การใช้คอมพิวเตอร์ช่วยสอน
- การศึกษาทางไกล
- เครือข่ายการศึกษา
- การใช้งานห้องสมุด
- การใช้งานในห้องปฏิบัติการ
- การใช้ในงานประจำและงานบริหาร
ระบบสารสนเทศ เพื่อสนับสนุนการตัดสินใจ (DSS)
ระบบสนับสนุนการตัดสินใจ คืออะไร
DSS เป็นซอฟแวร์ที่ช่วยในการตัดสินใจเกี่ยวกับการจัดการ
การรวบรวมข้อมูล การวิเคราะห์ข้อมูล และการสร้างตัวแบบที่ซับซ้อน ภายใต้ซอฟต์แวร์เดียวกัน
นอกจากนั้น DSS ยังเป็นการประสานการทำงานระหว่างบุคลากรกับเทคโนโลยีทางด้านซอฟต์แวร์
โดยเป็นการกระทำโต้ตอบกัน เพื่อแก้ปัญหาแบบไม่มีโครงสร้าง
และอยู่ภายใต้การควบคุมของผู้ใช้ตั้งแต่เริ่มต้นถึงสิ้นสุดขั้นตอนหรืออาจกล่าวได้ว่า
DSS เป็นระบบที่โต้ตอบกันโดยใช้คอมพิวเตอร์
เพื่อหาคำตอบที่ง่าย สะดวก รวดเร็วจากปัญหาที่ไม่มีโครงสร้างที่แน่นอน
ดังนั้นระบบการสนับสนุนการตัดสินใจ จึงประกอบด้วยชุดเครื่องมือ ข้อมูล ตัวแบบ (Model)
และทรัพยากรอื่นๆ
ที่ผู้ใช้หรือนักวิเคราะห์นำมาใช้ในการประเมินผลและแก้ไขปัญหา ดังนั้นหลักการของ DSS
จึงเป็นการให้เครื่องมือที่จำเป็นแก่ผู้บริหาร
ในการวิเคราะห์ข้อมูลที่มีรูปแบบที่ซับซ้อน แต่มีวิธีการปฏิบัติที่ยืดหยุ่น DSS
จึงถูกออกแบบเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน
ไม่เพียงแต่การตอบสนองในเรื่องความต้องการของข้อมูลเท่านั้น
ลักษณะของ DSS
1)
ระบบสารสนเทศที่ใช้สำหรับการสนับสนุนผู้ตัดสินใจทางการบริหารทั้งที่เป็นตัวบุคคลหรือกลุ่ม
โดยการตัดสินใจนั้นจะเกี่ยวข้องกับสถานการณ์ที่มีลักษณะเป็นแบบ ไม่มีโครงสร้าง (unstructured situations) โดยจะมีการนำวิจารณญาณของมนุษย์กับข้อมูล
จากคอมพิวเตอร์มาใช้ประกอบในการตัดสินใจ
2) ระบบ DSS ช่วยในการตอบสนองความต้องการที่ไม่ได้คาดการณ์มาก่อนโดยผู้ใช้สามารถปรับข้อมูลใน
DSS ได้ตลอดเวลาเพื่อจัดการกับเงื่อนไขต่างๆ
ที่เปลี่ยนแปลงไป โดยใช้การวิเคราะห์ที่เรียกว่า Sensitivity Analysis
3) ช่วยในการตัดสินใจที่ต้องการความรวดเร็วสูง
เพื่อใช้ประกอบในการกำหนดกลยุทธ์ในการแข่งขัน ดังนั้น DSS จึงมีลักษณะการโต้ตอบได้
(interactive)
4) เสนอทางวิเคราะห์ในทางเลือกต่างๆ
ในสถานการณ์ที่มีความซับซ้อน
5) จัดการเก็บข้อมูลซึ่งมาจากหลายแหล่งได้
ทั้งภายในและภายนอกหน่วยงาน
6)
นำเสนอได้ทั้งรายงานที่เป็นข้อความและกราฟฟิค
ประโยชน์ของ GDSS
ตั้งแต่เริ่มการพัฒนา GDSS ได้มีผู้กล่าวถึงผลกระทบของเทคโนโลยีที่มีต่อการดำเนินงานขององค์การ
เช่น หนังสือพิมพ์ Wall
Street Journal ได้ลงบทความเกี่ยวกับ DSS และชุดคำสั่ง
สำหรับกลุ่มว่า จะส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานของธุรกิจ
โดยเฉพาะการลดขั้นตอนและลำดับขั้นในองค์การ
ซึ่งจะมีทั้งข้อดีและข้อเสียแก่ธุรกิจและสมาชิกขององค์การ จากการศึกษาพบว่า GDSS มีส่วนช่วยส่งเสริมการปฏิบัติงานเป็นกลุ่ม
ดังต่อไปนี้
1.
ช่วยในการเตรียมความพร้อมในการประชุม
2.
มีการจัดเตรียมข้อมูลและสารสนเทศที่เหมาะสมในการประชุม
3.
สร้างบรรยากาศในการร่วมมือกันระหว่างสมาชิก
4.
สนับสนุนการมีส่วนร่วมและกระตุ้นการแสดงความคิดเห็นของสมาชิก
5.
มีการจัดลำดับความสำคัญก่อนหลังของปัญหา
6.
ช่วยให้การประชุมบรรลุผลในระยะเวลาที่สมควร
7.
มีหลักฐานการประชุมแน่ชัด
ส่วนประกอบของ DSS
ส่วนประกอบของ DSS สามารถจำแนกออกเป็น 4 ส่วน ดังนี้
1.
อุปกรณ์ เป็นส่วนประกอบแรกและเป็นโครงสร้างพื้นฐานของ DSS โดยอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับระบบสนับสนุนการตัดสินใจจะสามารถแบ่งออกเป็น
3 กลุ่ม ด้วยกันคือ
1.1.
อุปกรณ์ประมวลผล ประกอบด้วยระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งในสมัยเริ่มแรกจะใช้คอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่
(Mainframe) หรือมินิคอมพิวเตอร์
(Mini Computer) ในสำนักงานเป็นหลักแต่ในปัจจุบันองค์การส่วนมากหันมาใช้ระบบเครือข่ายของคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล
(Personal Computer) แทนเนื่องจากมีราคาถูก
มีประสิทธิภาพดี และสะดวกต่อการใช้งาน ตลอดจนผู้ใช้มีความรู้ ความเข้าใจ
และทักษะในงานสารสนเทศสูงขึ้น
โดยเฉพาะผู้บริหารรุ่นใหม่ที่มีความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์และสารสนเทศ
สามารถที่จะพัฒนา DSS ขึ้นบน
คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลโดยใช้ชุดคำสั่งประเภทฐานข้อมูล และ Spread Sheet ประกอบ
1.2.
อุปกรณ์สื่อสาร ประกอบด้วยระบบสื่อสารต่างๆ เช่น ระบบเครือข่ายเฉพาะพื้นที่
(LAN) ได้ถูกนำเข้ามาประยุกต์
เพื่อทำการสื่อสารข้อมูลและสารสนเทศของ DSS โดยในบางครั้งอาจจะใช้การประชุมโดยอาศัยสื่อวีดีโอ
(Video Conference) หรือการประชุมทางไกล
(Teleconference) ประกอบ
เนื่องจากผู้มีหน้าที่ตัดสินใจอาจอยู่กันคนละพื้นที่
1.3.
อุปกรณ์แสดงผล DSS
ที่มีประสิทธิภาพจำเป็นต้องมีอุปกรณ์แสดงผลเช่น
จอภาพที่มีความละเอียดสูง เครื่องพิมพ์อย่างดี และอุปกรณ์ประกอบอื่นๆ
เพื่อช่วยถ่ายทอดข้อมูลสารสนเทศ ตลอดจนสร้างความเข้าใจในสารสนเทศให้แก่ผู้ใช้
และช่วยให้การดำเนินงานมีประสิทธิภาพ
2.
ระบบการทำงาน มีนักวิชาการหลายท่านให้ความเห็นว่า
ระบบการทำงานเป็นส่วนประกอบหลักของ DSS เพราะถือว่าเป็นส่วนประกอบสำคัญในการที่จะทำให้
DSS ทำงานได้ตามวัตถุประสงค์และความต้องการของผู้ใช้
ซึ่งระบบการทำงานจะประกอบด้วยส่วนประกอบสำคัญ 3 ส่วนคือ
2.1.
ฐานข้อมูล (Database)
DSS จะไม่มีหน้าที่สร้าง ค้นหา
หรือปรับปรุงข้อมูลในฐานข้อมูลขององค์การ
เนื่องจากระบบข้อมูลขององค์การเป็นระบบขนาดใหญ่มีข้อมูลหลากหลายและเกี่ยวข้องกับข้อมูลหลายประเภท
แต่ DSS จะมีฐานข้อมูลของตัวเอง
ซึ่งจะมีหน้าที่รวบรวมข้อมูลที่สำคัญจากอดีตถึงปัจจุบันและนำมาจัดเก็บ
เพื่อให้ง่ายต่อการค้นหา ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะถูกเก็บไว้อย่างสมบูรณ์ ครบถ้วน
และแน่นอน เพื่อรอการนำไปประมวลผลประกอบการตัดสินใจ ขณะเดียวกัน DSS อาจจะต่อเชื่อมกับระบบฐานข้อมูลขององค์การ
เพื่อดึงข้อมูลสำคัญบางประเภทมาใช้งาน
2.2.
ฐานแบบจำลอง (Model
Base) มีหน้าที่รวบรวมแบบจำลองทางคณิตศาสตร์
และแบบจำลองในการวิเคราะห์ปัญหาที่สำคัญ เพื่ออำนวยความสะดวกต่อผู้ใช้ปกติ DSS จะถูกพัฒนาขึ้นมาตามจุดประสงค์เฉพาะอย่าง
ดังนั้น DSS จะประกอบด้วยแบบจำลองที่ต่างกันตามวัตถุประสงค์ในการนำไปใช้
2.3.
ระบบชุดคำสั่งของ DSS
(DSS Software System) เป็นส่วนประกอบสำคัญที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการโต้ตอบระหว่างผู้ใช้กับฐานข้อมูลและฐานแบบจำลอง
โดยระบบชุดคำสั่งของ DSS จะมีหน้าที่จัดการ
ควบคุมการพัฒนา จัดเก็บ และเรียกใช้แบบจำลองต่างๆ โดยระบบชุดคำสั่ง ของ DSS จะมีหน้าที่จัดการ
ควบคุมการพัฒนา จัดเก็บ
และเรียกใช้แบบจำลองต่างๆเพื่อนำมาประมวลผลกับข้อมูลขากฐานข้อมูล
นอกจากนี้ระบบชุดคำสั่งยังมีหน้าที่ให้ความช่วยเหลือผู้ใช้ในการโต้ตอบกับ DSS โดยที่สามารถแสดงความสัมพันธ์ของส่วนประกอบทั้ง
3 ส่วนคือ
*
ผู้ใช้
*
ฐานแบบจำลอง
*
ฐานข้อมูล
3.
ข้อมูล เป็นองค์ประกอบที่สำคัญอีกส่วนของ DSS ไม่ว่า DSS จะประกอบด้วยอุปกรณ์ที่ทันสมัย
และได้รับการออกแบบการทำงานให้สอดคล้องกันและเหมาะสมกับการใช้งานมากเพียงใด
ถ้าข้อมูลที่นำมาใช้ในการประมวลผลไม่มีคุณภาพเพียงพอแล้วก็จะไม่สามารถช่วยสนับสนุนการตัดสินใจของผู้ใช้ได้อย่างเหมาะสม
ซึ่งยังอาจจะสร้างปัญหา หรือความผิดพลาดในการตัดสินใจขึ้นได้
ข้อมูลที่จะนำมาใช้กับ DSS
จะแตกต่างจากข้อมูลในระบบสารสนเทศอื่น
โดยที่ข้อมูล DSS ที่เหมาะสม
สมควรที่จะมีลักษณะ ดังต่อไปนี้
3.1.
มีปริมาณพอเหมาะแก่การนำไปใช้งาน
3.2.
มีความถูกต้องและทันสมัยในระดับที่เหมาะสมกับความต้องการ
3.3.
สามารถนำมาใช้ได้สะดวก รวดเร็ว และครบถ้วน
3.4.
มีความยืดหยุ่นและสามารถนำมาจัดรูปแบบ เพื่อการวิเคราะห์ได้อย่างเหมาะสม
4.
บุคลากร เป็นส่วนประกอบที่สำคัญอีกส่วนหนึ่งของระบบสนับสนุนการตัดสินใจ
เนื่องจากบุคคลจะเกี่ยวข้องกับ DSS
ตั้งแต่ การกำหนดเป้าหมายและความต้องการ
การพัฒนา ออกแบบ และการใช้ DSS
ซึ่งสามารถแบ่งบุคลากรที่เกี่ยวข้องกับ DSS ออกเป็น
2 กลุ่มดังนี้
4.1.
ผู้ใช้ (End-user)
เป็นผู้ใช้งานโดยตรงของ DSS ได้แก่
ผู้บริหารในระดับต่างๆตลอดจนนักวิเคราะห์และผู้เชี่ยวชาญทางด้านธุรกิจที่ต้องการข้อมูลสำหรับประกอบการตัดสินใจในปัญหาที่เกิดขึ้น
4.2.
ผู้สนับสนุน DSS
(DSS Supports) ได้แก่ ผู้ควบคุมดูแลรักษาอุปกรณ์ต่างๆ
ผู้พัฒนาระบบสนับสนุนการตัดสินใจ ผู้จัดการข้อมูลและที่ปรึกษาเกี่ยวกับระบบ
เพื่อให้ DSS มีความสมบูรณ์
และสามารถดำเนินงานอย่างเต็มประสิทธิภาพและตรงตามความต้องการของผู้ใช้
เราจะเห็นว่าหัวใจสำคัญของ DSS ที่ดีจำเป็นที่จะต้องมีบุคลากรที่มีความสามารถเหมาะสมที่สามารถปรับตัวให้เข้ากับระบบ
มีความคิดสร้างสรรค์ และสามารถทำงานได้อย่างสอดคล้องกัน
เพื่อให้บรรลุเป้าหมายตามความต้องการขององค์การได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล